สำหรับผู้ใช้รถที่อยากจะตรวจสอบเบื้องต้นว่ารถของตัวเองนั้น มีระดับน้ำมันอยู่เกณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่ คุณสามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง โดยให้คุณให้ติดเครื่องยนต์เอาไว้จนร้อน จากนั้นให้ดับเครื่องแล้วรอสักครู่ประมาณ 5-10 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลกลับลงไปที่อ่างน้ำมันเครื่อง โดยจอดรถให้อยู่ในแนวระนาบ ไม่ลาดเอียง
จากนั้นให้วัดระดับน้ำมันโดยใช้ก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องแล้วให้สังเกตดูว่าน้ำมันอยู่ในระดับใดของก้าน โดยจะมีขีดหรือรูสำหรับใช้บอกระดับสูง-ต่ำของน้ำมันเครื่อง โดยอาจมีตัวอักษรกำกับเช่น ระดับเต็ม (Full, F, MAX) และระดับต่ำ (Low, L, MIN) การเติมน้ำมันเครื่องนั้น หากเติมให้อยู่ในระดับเต็ม หรือ Full โดยปกติควรจะเติมให้อยู่ในระดับที่ไม่เกินหรือพอดีกับขีดบน (F, MAX) ซึ่งระดับของน้ำมันที่ตรวจเช็กได้มีดังนี้
ตรวจเช็กแล้วพบว่าระดับน้ำมันเครื่องต่ำกว่าขีด L เกิดจากอัตราการพร่องมากผิดปกติ อาจจมาจากชิ้นส่วนสึกหรอ หรือเสื่อมสภาพ ทำให้น้ำมันเครื่องปนเปื้อนในห้องเผาไหม้มากขึ้น หรือน้ำมันมีการรั่วซึมออกภายนอก จึงเสี่ยงต่อสภาวะขาดการหล่อลื่น ทำให้ชิ้นส่วนเครื่องยนต์สึกหรอและเสียหายรุนแรงได้ จึงควรตรวจหาการรั่วซึมหรือ อาจต้อง overhaul เครื่องยนต์เพื่อซ่อมแซมขึ้นส่วนที่เสียหาย
ตรวจเช็กแล้วพบว่าระดับของน้ำมันสูงกว่าขีด F มาก อาจมาจากการเติมมากเกินไปตอนเปลี่ยนถ่าย หรือมีน้ำมันเชื้อเพลิงปนเปื้อน จะส่งผลให้น้ำมันเครื่องเล็ดลอดเข้าไปในห้องเผาไหม้ผ่านทางวาล์ว PCV และท่อไอดี เป็นการสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น และทำให้เกิดปัญหาควันขาว และเสี่ยงต่อการตีกวนของน้ำมันทำให้เกิดฟองโดยเพลาข้อเหวี่ยง อาจทำให้แรงดันน้ำมันลดลง ฟิล์มน้ำมันมีฟองอากาศแทรกอยู่ ส่งผลต่อการหล่อลื่นและระบายความร้อนเครื่องยนต์ได้ไม่ดี นำไปสู่การสึกหรอและอาจเกิดปัญหาความร้อนสะสม
ตรวจเช็กแล้วพบว่าน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับปกติ แต่มีโคลนตะกอนสิ่งสกปรกเยอะสังเกตจากสีและลักษณะของน้ำมันเครื่องที่เปลี่ยนไป มีสีเข้มขึ้นและมีโคลนตะกอนมากผิดปกติ บ่งบอกถึงความสกปรกและการเสื่อมสภาพของน้ำมัน ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะที่คู่มือกำหนดและเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่คุณภาพเหมาะสม
ตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่องแล้วพบว่ามีการลดของระดับน้ำมันเครื่องจนระดับน้ำมันเครื่องเข้าใกล้ขีดล่าง (L, MIN) บ่งบอกถึงน้ำมันเครื่องมีอัตราการพร่องค่อนข้างสูง ควรรีบเติมน้ำมันเพิ่มให้ได้ระดับและตรวจเช็กบ่อยขึ้น หรือปรับเพิ่มเบอร์ความหนืดเช่น จากเบอร์ SAE 0W-20 เป็น SAE 0W-30 ในการเปลี่ยนถ่ายครั้งถัดไปเพื่อลดอัตราการพร่องของน้ำมันและช่วยป้องกันการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่หากตรวจเช็กแล้วระดับของน้ำมันเครื่องลดลงอย่างมากและรวดเร็วควรตรวจเช็กการรั่วซึมออกภายนอกและเปลี่ยนชิ้นส่วนที่อาจสึกหรอตามระยะที่คู่มือระบุ
ตรวจเช็กแล้วพบว่าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่างขีดล่าง และขีดบน โดยอยู่ใกล้เคียงกับขีดบน (F, MAX) ถือว่าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ซึ่งการเช็กระดับน้ำมันนั้นแนะนำให้วัด 1-2 สัปดาห์/ครั้ง หรือถ้าหากใครไม่ค่อยมีเวลาก็ปรับเป็นอย่างน้อยเดือนละครั้งก็ได้ นอกจากเช็กระดับน้ำมันแล้วควรสังเกตลักษณะและสีของน้ำมันร่วมด้วย เพื่อให้เราสามารถเช็กได้ว่าน้ำมันเครื่องนั้นสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหรือไม่ หรือมีการรั่วซึมของน้ำมันเครื่องหรือไม่ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดกับเครื่องยนต์ได้ในอนาคต