ส่องสาเหตุ สตาร์ตรถไม่ติด! เกิดจากอะไรได้บ้าง?
สตาร์ตครั้งแรกนิ่ง! ครั้งที่สองก็ยังเงียบ!
เคยไหม? ในช่วงเวลาที่เร่งรีบและต้องการออกไปทำธุระสำคัญ แต่รถดันสตาร์ตไม่ติดซะงั้น
ปัญหา “สตาร์ตรถไม่ติด” เรื่องวุ่น ๆ ที่ผู้ใช้รถทุกคนคงไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะทั้งสร้างความรำคาญและทำให้ยามเช้าของคุณปั่นป่วนไปหมด แถมยังทำให้เสียเงินเสียเวลาในการซ่อมเเซมไม่น้อย จะดีกว่าไหม ถ้าเรารู้สาเหตุอย่างจริงที่ทำให้สตาร์ตรถไม่ติด
วันนี้ PTT Lubricants จะพาทุกท่านมาเจาะลึกถึงปัญหาใหญ่ที่ผู้ใช้รถหลาย ๆ คนเคยเจอ นั่นก็คือ สตาร์ตรถไม่ติด เพื่อให้คุณรีบเช็กสภาพรถก่อนสายไป แล้วปัญหานี้เกิดจากอะไรได้บ้าง? เราจะพาไปหาคำตอบกัน!
1. แบตเตอรี่เสื่อม
หนึ่งในสาเหตุสำคัญอันดับต้น ๆ ของปัญหาสตาร์ตรถไม่ติดที่พบได้บ่อยที่สุด หากแบตเตอรี่ของคุณใช้งานมามากกว่า 2 ปี เป็นไปได้ที่แบตเตอรี่อาจจะเสื่อมสภาพตามกาลเวลาหรือการใช้งาน ส่งผลให้ตัวแบตเตอรี่เก็บประจุไฟฟ้าได้ในระยะเวลาสั้นลง และแบตหมดไวขึ้น ซึ่งอาการเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้สตาร์ตรถไม่ติดในช่วงเช้า หรือสตาร์ตติดยากเมื่อจอดรถระหว่างวัน ดังนั้น หากรถเริ่มใช้เวลานานขึ้นขณะสตาร์ต นั่นคือสัญญาณว่าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพแล้ว
2. ขั้วแบตเตอรี่สกปรก
อีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ใช้รถหลาย ๆ คนอาจจะคาดไม่ถึง คือการที่คุณปล่อยให้ขั้วแบตเตอรี่สกปรก โดยไม่ได้รับการทำความสะอาดและปล่อยไว้นานจนทำให้มีคราบขี้เกลือเกาะอยู่ที่บริเวณขั้วแบตเตอรี่ ซึ่งจะทำให้กระแสไฟฟ้าที่ส่งไปยังส่วนอื่น ๆ ส่งไปได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงอาจเป็นสาเหตุทำให้กระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอที่จะสตาร์ตรถให้ติดได้
3. ไดสตาร์ตเสื่อม/เสีย (มอเตอร์สตาร์ต)
อีกหนึ่งสาเหตุที่ผู้ใช้รถไม่ควรมองข้าม หากรถของคุณ สตาร์ตไม่ติดเลย แม้ว่าจะลองพ่วงแบตเตอรี่กับรถยนต์คันอื่น หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่แล้ว ในเบื้องต้นให้คุณเช็กที่หน้าปัดไฟดูก่อน หากหน้าปัดไฟติด แต่สตาร์ตรถไม่ได้ แสดงว่าไดสตาร์ตเสื่อมสภาพ หรือเกิดความเสียหาย เช่น ฟิวส์มอเตอร์สตาร์ตขาด สายไฟที่ต่อไปยังสตาร์ตมอเตอร์อาจขาดหรือหลุดออกจากจุดต่อ หรือแปรงถ่านที่อยู่ในมอเตอร์สตาร์ตหมด เป็นต้น แนะนำให้คุณอู่เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและแก้ไขปัญหาโดยด่วนนะครับ
4. ไดชาร์จเสื่อม/เสีย
เพราะไดชาร์จเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการทำหน้าที่สร้างกระแสไฟจากการที่เครื่องยนต์ทำงานแล้วส่งไปเก็บไว้ยังแบตเตอรี่ ดังนั้น หากไดชาร์จเสื่อมสภาพจากระยะการใช้งานหรือเสีย จะทำให้ไม่สามารถจ่ายไฟหรือชาร์จไฟไปยังแบตเตอรี่ได้ ส่งผลให้แบตเตอรี่หมด และไม่มีกระแสไฟเพียงพอที่จะสตาร์ตรถให้ติดนั่นเอง วิธีเช็กง่าย ๆ ให้สังเกตหน้าปัดจะมีสัญลักษณ์รูปแบตเตอรี่แสดงขึ้นมา บ่งบอกถึงระบบชาร์จไฟอาจะเกิดปัญหา หากคุณเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ใหม่แล้วแต่สัญลักษณ์รูปแบตเตอรี่ยังคงแสดงอยู่ และรถของคุณยังมีอาการสตาร์ตติดยาก ไฟหน้าเริ่มหรี่ แอร์เริ่มเย็นน้อยลง อุปกรณ์ไฟฟ้าเริ่มทำงานผิดปกติ หรือเวลาสตาร์ตรถแล้วมีเสียงลากยาวไปสักพักจนเครื่องยนต์ติด แสดงว่าไดชาร์จรถยนต์ของคุณเสื่อมสภาพ ดังนั้น ต้องนำรถไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและเปลี่ยนไดชาร์จใหม่ได้แล้วครับ
5. ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงเสีย (ปั๊มติ๊ก)
เพราะปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่ดูดน้ำมันจากตัวถังไปยังเครื่องยนต์ ซึ่งหากปั๊มเสียหรือเสื่อมสภาพ จะทำให้ไม่สามารถจุดระเบิดเครื่องเครื่องยนต์ได้ จนทำให้รถสตาร์ตยากนั่นเอง วิธีการเเก้ไข คือผู้ใช้รถไม่ควรปล่อยให้ไฟเตือนน้ำมันโชว์อยู่เป็นประจำ เพราะเมื่อระดับน้ำมันเหลือน้อยเกินไป จะทำให้ปั๊มไม่สามารถดูดน้ำมันขึ้นมาได้ และเปลี่ยนมาดูดเอาอากาศเข้ามาแทน จนปั๊มเสียหาย จนกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้สตาร์ตรถไม่ติดนั่นเอง
6. น้ำมันหมด
สาเหตุง่าย ๆ ที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้งหากคุณไม่เตรียมพร้อมเวลาไปไหนมาไหน คือ เหตุการณ์น้ำมันหมด เพราะเมื่อน้ำมันเหลือน้อย จะส่งผลให้ปั๊มติ๊กไม่สามารถดูดเชื้อเพลิงไปใช้ต่อได้ จนส่งผลให้สตาร์ตรถไม่ติดนั่นเอง ถึงแม้ว่าปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ง่าย เพียงแค่หาปั๊มแล้วเติมน้ำมันให้เพียงพอในการสตาร์ตรถ แต่จะดีกว่าหากคุณคอยหมั่นสังเกตปริมาณน้ำมันรถให้เพียงพอต่อการเดินทางอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำมันหมด ที่อาจจะสร้างความรำคาญและความยุ่งยากเข้าไปอีกนะครับ
และที่สำคัญ ผู้ใช้รถควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับรถให้ถูกวิธี ไม่เหยียบเร่งคันเร่งมากเกินไป ก็จะช่วยให้คุณประหยัดน้ำมันรถมากขึ้นนะครับ
7. รถที่จอดทิ้งไว้นาน
การจอดรถทิ้งไว้โดยไม่ได้สตาร์ตรถเป็นเวลานาน อาจจะส่งผลเสียและเกิดปัญหามากกว่าที่คุณคิด โดยเฉพาะปัญหาแบตเตอรี่หมด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้รถที่จอดทิ้งไว้เป็นเวลานานสตาร์ตไม่ติด โดยวิธีแก้ไขง่าย ๆ คือ การจั๊มแบตเตอรี่รถยนต์ เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ เปลี่ยนน้ำมันรถ หรือเปลี่ยนมอเตอร์สตาร์ตรถยนต์
ดังนั้น หากคุณจะใช้รถเมื่อไร แล้วเกิดปัญหาสตาร์ตรถไม่ติด หรือสตาร์ตไม่ได้ดั่งใจ อย่าลืมเช็กตามจุดต่าง ๆ ตามที่เราแนะนำนะครับ ด้วยความห่วงใจจาก PTT Lubricants 💙