ปักวันกันลืม! อะไหล่รถแต่ละชิ้นควรเปลี่ยนเมื่อไหร่?
นอกจากความปลอดภัยในการใช้รถบนถนนแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการเช็กสภาพรถยนต์ของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พร้อมใช้งานได้มั่นใจตลอดเวลา โดยเฉพาะอะไหล่แต่ละชิ้นที่มีอายุการใช้งานแตกต่างกัน จึงควรตรวจเช็กเป็นประจำและเปลี่ยนตามอายุการใช้งาน เพื่อความปลอดภัยระหว่างการขับขี่บนท้องถนน
วันนี้ PTT Lubricants จึงจะชวนทุกคนมาปักวันเปลี่ยนอะไหล่แต่ละชิ้นภายในรถว่า ควรเปลี่ยนตอนไหน เเละมีระยะเวลาการใช้งานเท่าไร ไปดูกันเลยครับ
1.น้ำมันเครื่อง และไส้กรองน้ำมันเครื่อง:
น้ำมันเครื่องเป็นของเหลวที่ทำหน้าที่ช่วยหล่อลื่นและป้องกันการสึกหรอของชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ให้ทำงานได้ไม่ติดขัด และไส้กรองน้ำมันเครื่องที่ช่วยการดักจับสิ่งสกปรกและเศษโลหะที่อยู่ในน้ำมันเครื่อง เพื่อให้เครื่องยนต์รถของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยควรเปลี่ยนทุก 7,000 ถึง 15,000 กิโลเมตร หรือ 4 เดือน ถึง 1 ปี โดยขึ้นอยู่กับเกรดของน้ำมันเครื่องและการใช้งาน
👉อ่านบทความ เคลียร์ให้ชัด น้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนตอนไหน? https://pttlubricants.pttor.com/knowledge_bit_detail/3/64
2.แบตเตอรี่:
หัวใจสำคัญในการจ่ายพลังงานไฟฟ้าและสำรองไฟในรถของคุณ ซึ่งประสิทธิภาพของแบตเตอรี่จะลดลงตามการใช้งาน จึงควรเปลี่ยนทุก 3 - 5 ปี ขึ้นกับสภาวะแวดล้อม ชนิดของแบตเตอรี่ และลักษณะการใช้งาน
3.ไส้กรองอากาศ:
อะไหล่ที่ช่วยในการกรองฝุ่นละอองและดักสิ่งสกปรกที่ปะปนมากับอากาศไม่ให้เข้าไปในเครื่องยนต์ เพื่อให้การเผาไหม้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อยืดอายุการใช้งานควรทำความสะอาดทุก 1 ปี และเปลี่ยนทุก 2 ปี หรือประเมินจากสภาพไส้กรอง/ความสกปรก หากมีสิ่งสกปรกเกาะอยู่เยอะสามารถเปลี่ยนได้เลยทันที
4.ผ้าเบรก:
ตัวช่วยที่ทำให้เบรกรถได้อย่างปลอดภัย โดยควรเปลี่ยนทุก 50,000-70,000 กิโลเมตร หรือประเมินจากความหนาของผ้าเบรก
5.หัวเทียน:
อุปกรณ์ในการสร้างประกายไฟเพื่อจุดระเบิดเมื่อเราสตาร์ตเครื่องยนต์ ควรเปลี่ยนทุก 100,000 กิโลเมตร หรือประเมินจากสภาพหัวเทียน
6.โช๊คอัพ หน้า – หลัง :
อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ช่วยรองรับแรงกระแทกต่าง ๆ ทุกสภาพพื้นผิวท้องถนน ทำให้รู้สึกถึงความนุ่มนวลเวลาขับขี่ ควรเปลี่ยนทุก 3 ปี หรือ 100,000 -120,000 กิโลเมตรขึ้นอยู่กับการใช้งานและวิธีการติดตั้งที่สมบูรณ์และถูกต้อง
7.น้ำมันเกียร์:
ของเหลวที่จะช่วยให้การทำงานของระบบเกียร์ไหลลื่น หากเสื่อมสภาพอาจจะส่งผลให้เข้าเกียร์ยาก และเสี่ยงต่อการสึกหรอของเกียร์รถยนต์ได้ สำหรับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติควรเปลี่ยนทุก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร สำหรับน้ำมันเกรดสังเคราะห์ 100% สำหรับน้ำมันเกียร์ธรรมดา ควรเปลี่ยนทุก 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร สำหรับน้ำมันเกรดสังเคราะห์ 100% หรือขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานรถของแต่ละคน
8.หลอดไฟต่างๆ :
อุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้เราขับขี่ยามค่ำคืนได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน หากสังเกตว่าหลอดไฟเริ่มสว่างน้อยลง หรือไฟไม่ติด สามารถเปลี่ยนได้เลยทันที
9.ยางรถยนต์ :
อะไหล่สำคัญที่มีส่วนในเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ เนื่องจากช่วยยึดเกาะกับพื้นถนน เพื่อให้การเคลื่อนที่และการเลี้ยวของรถได้อย่างมีสเถียรภาพ และยังช่วยลดแรงกระแทกจากพื้นถนนเพิ่มความสบายให้กับผู้ขับขี่อีกด้วย โดยควรเปลี่ยนทุก 2-5 ปี หรือ 30,000 - 40,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน หรือประเมินจากความลึกของร่องดอกยางรถและสภาพของยาง
10.สายพานไทม์มิ่ง :
อีกหนึ่งอะไหล่ของรถยนต์ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมีหน้าที่ในควบคุมจังหวะในการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ให้ทำงานได้อย่างราบรื่น ดังนั้นจึงควรตรวจเช็กสภาพและเปลี่ยนทุกระยะ 100,000 กิโลเมตรหรือประเมินจากระยะการยืดของสายพาน ไม่ควรปล่อยให้สายพานไทม์มิ่งขาดหรือชำรุด เพราะอาจจะส่งผลรุนเเรงกับการทำงานของเครื่องยนต์
11.คลัตช์
ถือว่าเป็นส่วนที่ช่วยตัดต่อกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังระบบส่งกำลังและล้อ เพื่อให้รถเคลื่อนต่อไปได้เมื่อเปลี่ยนเกียร์หรือสตาร์ตเครื่อง ควรเปลี่ยนทุก 100,000 – 150,000 กม. หรือประมาณ 10 ปีขึ้นไป
12. ใบปัดน้ำฝน :
อุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำหรับรถยนต์ทุกคัน เพราะช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะเวลาฝนตกหนัก ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนได้ทุก 1 ปี หรือประเมินจากสภาพยางปัดน้ำฝน/ประสิทธิภาพในการปัดน้ำฝน เพื่อให้ใบปัดน้ำฝนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา
หมายเหตุ ระยะการเปลี่ยนอะไหล่ น้ำมันหล่อลื่น และของเหลวดังที่ระบุนี้ เป็นระยะแนะนำทั่วไปสำหรับรถยนต์นั่ง รถปิคอัพ เอสยูวีและพีพีวีเป็นหลัก โดยเจ้าของรถสามารถอ้างอิงระยะการตรวจเช็กและเปลี่ยนอะไหล่ตามที่ระบุในคู่มือรถแต่ละรุ่นแต่ละประเภทได้
รู้อย่างนี้แล้ว หากคุณเป็นคนที่ใช้รถเป็นประจำ อย่าลืมเช็กสภาพอะไหล่แต่ละชิ้นของรถและเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่รถบนท้องถนนด้วยนะครับ
ผลิตภัณฑ์คุณภาพจาก PTT Lubricants พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ที่ PTT Station และ FIT Auto หรือร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ PTT Lubricants ใกล้บ้านคุณ 💙