วิธีเอาตัวรอดจาก 5 จุดบอด ขณะขับรถ
อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น การไม่ประมาทขณะขับรถจึงเป็นสิ่งสำคัญ เเต่เชื่อหรือไม่ว่า บางครั้งอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้จากการมองข้าม “จุดบอด” ที่เราคาดไม่ถึง วันนี้ PTT Lubricants จึงพามารู้จักกับ 5 จุดบอดที่ควรระวังขณะขับรถ เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวเราเองและเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน จะมีจุดไหนบ้าง ไปดูกันเลยครับ
📌 จุดบอดจากเสาเอ (A-Pillar)
จุดอับสายตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะเป็นชิ้นส่วนที่ถูกออกแบบมาให้ติดอยู่กับโครงรถยนต์ โดยเป็นจุดที่สร้างปัญหาได้โดยเฉพาะฝั่งขวาด้านคนขับ และมักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งขณะเลี้ยวโค้งหรือกลับรถ
อย่างไรก็ตามเราสามารถลดความเสี่ยงอุบัติเหตุได้โดยการปรับระยะเบาะนั่งให้สูงขึ้นมาเล็กน้อย รวมถึงขณะการเลี้ยวและกลับรถควรเอนตัวมาทางด้านหน้าหรือด้านหลังเล็กน้อยให้พ้นจากเสาเอ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้เราสามารถมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นครับ
📌 จุดบอดจากกระจกมองหลัง
เป็นจุดบอดที่ผู้ขับรถยนต์บางคนอาจมองข้ามเพราะเคยชินกับการมองแต่กระจกด้านข้างมากกว่า อีกหนึ่งปัญหาคือการวางสิ่งของบนเบาะหลังแล้วบังกระจกหลัง ทำให้ผู้ขับมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ด้านหลังตัวรถ จึงมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้สูง
ดังนั้นเราจึงไม่ควรวางสิ่งของซ้อนกันให้สูงเกินไปจนบังกระจกหลังของรถ เพราะจะทำให้ไม่เห็นรถที่อยู่ด้านหลัง รถที่กำลังขับขี่ตามหลังมา หรือสิ่งกีดขวางอื่น ๆ ที่อยู่ด้านหลังได้
📌 จุดบอดจากกระจกมองข้าง
เป็นจุดบอดที่ผู้ขับรถยนต์ทุกคนต้องเคยเจอ โดยปัญหาเกิดจากการปรับองศากระจกมองข้างไม่ครอบคลุมการมองเห็นอย่างเหมาะสม ทำให้มองไม่เห็นรถที่มาจากช่องทางด้านข้างและเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้
ดังนั้นก่อนขับรถทุกครั้งเราควรตรวจเช็กและปรับกระจกมองข้างให้อยู่ในองศาที่เหมาะสมทั้งด้านซ้ายเเละขวา โดยปรับกระจกให้เห็นรถในเลนด้านข้างเเละพื้นถนนได้อย่างชัดเจน รวมทั้งปรับท่านั่งให้ถนัดเเละถูกต้องตามหลักการขับขี่ เพื่อให้ผู้ขับรถสามารถหันมองกระจกข้างได้ทันท่วงที
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 5 ข้อควรปรับ เพื่อให้ขับรถปลอดภัยแถมไม่ปวดหลัง : https://pttlubricants.pttor.com/en/knowledge_bit_detail/6/50
📌 จุดบอดจากการถูกรถขนาดใหญ่กว่าบดบัง
เป็นจุดบอดที่ผู้ขับรถส่วนใหญ่ควรหลีกเลี่ยง เพราะเมื่อเราขับเข้าไปใกล้รถขนาดใหญ่ เช่น รถบรรทุก หรือ รถบัสโดยสาร ในระยะประชิดเกินไปจะทำให้ทัศนวิสัยการมองเส้นทางด้านข้างเเละด้านหน้าลดน้อยลง จึงไม่สามารถประเมินสภาพถนนข้างหน้า หรือกะระยะความเร็วของรถคันอื่น ๆ ที่กำลังใช้เส้นทางร่วมกันได้อย่างเต็มที่ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
เพราะฉะนั้นเราควรเว้นระยะห่างจากรถที่มีขนาดใหญ่ ประมาณ 10 เมตร หรือมากพอให้มองเห็นรถคันอื่นที่อยู่ด้านหน้าได้อย่างชัดเจน โดยหากต้องการแซง ควรเเซงเฉพาะในช่องทางขวาเท่านั้น เพราะหากเเซงในช่องทางซ้าย คนขับรถใหญ่อาจมองไม่เห็นรถเรา จนเกิดอุบัติเหตุได้
📌จุดบอดจากสภาพถนน
เป็นจุดบอดที่มักพบเจอเมื่อเราต้องขับรถในเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน เช่น จุดบอดจากทางโค้ง ทางแยก ทางที่เป็นเนิน ซึ่งล้วนแต่นำไปสู่อุบัติเหตุได้หากไม่ระมัดระวังหรือละเลยข้อปฎิบัติตามกฏจราจร
วิธีป้องกันอุบัติเหตุคือการปฏิบัติตามกฏจราจรอย่างเคร่งครัด เช่น การห้ามเเซงทางโค้งหรือเเซงถนนเลนสวน สำหรับการขับรถขึ้นเนินเขาไม่ควรใช้ความเร็วมากเกินไป เพราะเราไม่สามารถมองเห็นได้เลยว่าเส้นทางข้างหน้ามีรถคันอื่นหรือมีสิ่งกีดขวางอยู่หรือไม่ ดังนั้นจึงควรชะลอความเร็วลง และเมื่อผ่านจุดที่เป็นเนินมาเเล้ว ค่อยเปลี่ยนมาใช้ความเร็วปกติเพื่อความปลอดภัย
จะเห็นได้ว่าจุดบอดทั้ง 5 จุดนี้เสี่ยงต่อการทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้ ดังนั้นอย่าลืมเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยตลอดการเดินทางนะครับ ด้วยความห่วงใยจาก PTT Lubricants 💙