ภาษาไทย
English
สำหรับผู้ใช้รถไม่ว่าจะเป็นรถขนาดเล็ก หรือ ขนาดใหญ่ การดูแลรักษารถที่คุณใช้อย่างสม่ำเสมอนั้น นอกจากจะช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับรถแล้ว ยังช่วยปกป้องเงินในกระเป๋าของคุณให้ไม่ต้องหมดไปกับค่าซ่อมที่ไม่จำเป็นได้อีกด้วย เพราะการที่เราตรวจสอบความพร้อมของรถที่เราใช้งานอยู่เสมอนั้น จะช่วยทำให้เราพบเห็นความผิดปกติได้เร็วขึ้น และ ทำให้สามารถแก้ไขปัญหานั้นได้รวดเร็วก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของรถยนต์ในอนาคต
ซึ่งหนึ่งวิธีการตรวจสอบรถของเราเบื้องต้นนั้น สามารถสังเกตได้จากสีของน้ำมันเครื่อง เป็นสิ่งที่ช่วยบอกสุขภาพของน้ำมันเครื่อง ว่ายังคงสามารถใช้งานได้ดี หรือถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยน โดยน้ำมันเครื่องที่ยังไม่ผ่านการใช้งานนั้นจะมีลักษณะสีโปร่งใส (Clear and Bright) ซึ่งมีหลากหลายโทนสีตั้งแต่สีเหลืองอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลขึ้นอยู่กับสารองค์ประกอบในน้ำมัน ได้แก่ น้ำมันพื้นฐาน (Base Oil) สารเพิ่มคุณภาพ (Additive) รวมถึงอาจะมีการเติมสี (Dye) เพิ่มเข้าไปตามแต่ผู้ผลิต ส่วนโทนสีของน้ำมันเครื่องหลังจากเติมลงในเครื่องยนต์แล้ว จะมีการปนเปื้อนจากน้ำมันเก่าประมาณ 5-10% ที่ตกค้างตามท่อทางการไหลและชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายใน ดังนั้นโทนสีของน้ำมันเครื่องที่เติมลงในเครื่องยนต์จะมีสีที่เปลี่ยนไปตามน้ำมันเก่า โดยลักษณะสีของน้ำมันเครื่องในเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลจะมีความแตกต่างกันจากลักษะการทำงานของเครื่องยนต์ที่ส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของน้ำมันเครื่อง ซึ่งมีลักษณะที่ควรสังเกตดังนี้
ในกรณีของเครื่องยนต์เบนซินนั้น เนื่องจากการเผาไหม้ปกติจะเกิดเขม่าและสิ่งสกปรกน้อย จึงทำให้การเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพของน้ำมันเครื่องมาจากการเสื่อมสภาพของน้ำมันเป็นหลักทั้งจากความร้อนและปฏิกิริยาเคมี
- น้ำมันเครื่องสีโปร่งใส
หลังจากน้ำมันใหม่ถูกเติมลงไปในเครื่องยนต์แล้ว ก็จะมีการปนเปื้อนจากน้ำมันเก่า ดังนั้นน้ำมันเครื่องใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้งานหรือเริ่มสตาร์ทก็จะมีสีเข้มขึ้นเป็นปกติอยู่แล้ว ดังนั้นหากน้ำมันเครื่องเบนซินที่ใช้งานยังมีลักษณะโปร่งใสแม้จะมีสีเข้มขึ้นบ้าง แสดงว่าน้ำมันเครื่องมีสิ่งสกปรกปนเปื้อนน้อยจากการเผาไหม้ที่สมบูรณ์และความสะอาดของเครื่องยนต์ บ่งบอกถึงการเสื่อมสภาพของน้ำมันยังต่ำถึงปานกลาง โดยสามารถใช้งานน้ำมันต่อไปได้หรือเปลี่ยนถ่ายเมื่อครบระยะที่กำหนด
- น้ำมันเครื่องสีน้ำตาลเข้ม ดำคล้ำ หรือเป็นโคลน
สำหรับน้ำมันเครื่องเบนซินที่ใช้งานมาแล้วระยะหนึ่งหรือครบระยะเปลี่ยนถ่าย หากพบว่าน้ำมันมีสีน้ำตาลเข้ม น้ำตาลไหม้ หรือดำคล้ำ รวมถึงมีตะกอนสิ่งสกปรกปนเปื้อนและความหนืดเปลี่ยนแปลงจากตอนเริ่มต้นเป็นอย่างมาก (หนืดขึ้นหรือใสลง) แสดงว่าน้ำมันเครื่องมีการเสื่อมสภาพและการปนเปื้อนอยู่ในเกณฑ์ที่สูงถึงสูงมาก ไม่เหมาะสมต่อการใช้งานและควรเปลี่ยนถ่ายทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายรุนแรงของเครื่องยนต์
- น้ำมันเครื่องสีกาแฟขุ่นคล้ายน้ำนม
เกิดจากน้ำจากภายนอกปนเปื้อนลงในน้ำมันเครื่องปริมาณมากผิดปกติ เช่น ฝาสูบรั่ว เสื้อสูบรั่ว หรือน้ำเข้าทางปะเก็นยาง เป็นต้น จะส่งผลให้น้ำมันเครื่องมีลักษณะขุ่นคล้ายน้ำนม (Milky) ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง เพราะน้ำเป็นตัวเร่งให้เนื้อน้ำมันและสารเพิ่มคุณภาพเกิดการเสื่อมสภาพเร็วขึ้น จึงไม่สามารถปกป้องเครื่องยนต์ได้ รวมทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดสนิมและการกัดกร่อนของชิ้นส่วนโลหะภายใน ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันทันที รวมทั้งหาสาเหตุและแก้ไขปัญหาน้ำรั่วซึม เพื่อป้องกันความเสียหายรุนแรงของเครื่องยนต์ในระยะยาว
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลการทำงานจะเกิดเขม่าและสิ่งสกปรกมากกว่าเครื่องยนต์เบนซินจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะหากเป็นเครื่องยนต์เทคโนโลยีเก่า รวมถึงรถยนต์เลขไมล์สูงที่ระบบการจ่ายเชื้อเพลิงทำงานไม่สมบูรณ์ ก็จะยิ่งเกิดคราบเขม่าและสิ่งสกปรกสะสมภายในเครื่องยนต์และปนเปื้อนในน้ำมันเครื่องได้มากยิ่งขึ้น
- น้ำมันเครื่องสีดำ ไม่มีโคลนตะกอน
เป็นเรื่องปกติที่น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่จะมีสีดำทันทีหลังเพิ่งเริ่มใช้งานหรือเริ่มสตาร์ทจากลักษณะการทำงานของเครื่องยนต์และการปนเปื้อนกับน้ำมันเก่าบางส่วนที่ตกค้างอยู่ภายใน หากตรวจเช็กแล้วพบว่าน้ำมันเครื่องที่ใช้งานยังไม่มีเขม่าและสิ่งสกปรกจับตัวกันเป็นตะกอนขนาดใหญ่หรือกลายสภาพเป็นโคลน แสดงว่าน้ำมันเครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการควบคุมความสะอาดของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ ทั้งการชะล้าง การกระจายคราบเขม่าและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้จับตัวเป็นก้อน รวมถึงการเสื่อมสภาพของน้ำมันยังต่ำถึงปานกลาง โดยสามารถใช้งานน้ำมันต่อไปได้หรือเปลี่ยนถ่ายเมื่อครบระยะที่กำหนด
- น้ำมันเครื่อง สีดำ มีโคลนตะกอน
หากเราตรวจเช็กแล้วพบว่าน้ำมันเครื่องมีเขม่าและสิ่งสกปรกจับตัวกันเป็นตะกอนขนาดใหญ่หรือกลายสภาพเป็นโคลน ไม่สามารถควบคุมความสะอาดของเครื่องยนต์ได้ แสดงว่าน้ำมันเครื่องมีการเสื่อมสภาพและการปนเปื้อนอยู่ในเกณฑ์ที่สูงถึงสูงมาก ไม่เหมาะสมต่อการใช้งานและควรเปลี่ยนถ่ายทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายรุนแรงต่อเครื่องยนต์
การสังเกตสีของน้ำเครื่องและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันตามรอบระยะเวลาที่กำหนดเป็นประจำก็จะยิ่งช่วยทำให้เครื่องยนต์ยังคงสมรรถนะที่สมบูรณ์ และนอกจากจะช่วยเซฟเครื่องยนต์แล้วยังช่วยเซฟเงินในกระเป๋าของเราให้ไม่ต้องหมดไปกับค่าซ่อมรถได้อีกด้วย
หมายเหตุ : สีของน้ำมันเครื่องเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ช่วยประเมินคุณภาพน้ำมันและสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเครื่องยนต์จากการใช้งานได้ แต่ไม่อาจบ่งบอกถึงปัญหาทั้งหมด ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคล แนะนำให้ตรวจเช็กสภาพรถเป็นประจำและเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามเวลาที่กำหนด