DPF คืออะไร? มารู้จักตัวกรองอนุภาคไอเสียรถดีเซลกัน

9417 ผู้เข้าชม

แชร์ Card image cap

DPF คืออะไร? มารู้จักอุปกรณ์กรองอนุภาคไอเสียรถดีเซลกัน

DPF คืออะไร? แล้วเกี่ยวข้องกับไอเสียรถยังไง? เปิดคำถามมาแบบนี้ใครที่ไม่ได้ใช้งานรถที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลคงมีงงกันนิดหน่อยนะครับ แต่สำหรับใครที่ใช้รถเครื่องยนต์ดีเซลคงคุ้นเคยกับคำว่า “DPF” กันอยู่บ้าง แต่อาจยังไม่เข้าใจว่ามันทำหน้าที่อะไรกันแน่ วันนี้ PTT Lubricants จะมาอธิบายให้ทุกคนเข้าใจถึงการทำงานของเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้กันครับ

DPF ย่อมาจาก Diesel Particulate Filter หรือ ตัวกรองอนุภาคไอเสียดีเซล ซึ่งมีลักษณะด้านในเป็นช่องขนาดเล็กคล้ายรังผึ้ง ทำหน้าที่ดักจับอนุภาคเขม่าขนาดเล็ก (Particulate Matter) ที่อยู่ในไอเสียของรถเครื่องยนต์ดีเซล เนื่องด้วยมาตรการควบคุมการปลดปล่อยมลพิษไอเสียที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่นมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 5 ซึ่งควบคุมทั้งปริมาณและจำนวนอนุภาคเขม่าไอเสียที่ปล่อยจากรถให้เหลือน้อยลงกว่าเดิม เพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่น PM 2.5 ดังนั้นรถดีเซลมาตรฐานยูโร 5 ขึ้นไปจึงจำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์ DPF เพื่อกรองดักอนุภาคเขม่าไอเสียก่อนที่จะปล่อยออกสู่ภายนอกต่อไป  

โดยในปัจจุบันรถดีเซลในประเทศไทยหลายรุ่นเริ่มใช้เครื่องยนต์มาตรฐาน ยูโร 5 และยูโร 6 กันบ้างแล้ว และก็มีผู้ใช้รถหลายรายที่พบปัญหาเครื่องยนต์สั่น/เสียงดัง เร่งเครื่องไม่ขึ้น แรงดันน้ำมันเครื่องตก รวมถึงไฟรูปกาน้ำมันเครื่องและไฟ DPF ขึ้นเตือนบนหน้าปัดบ่อย ๆ จนไม่กล้าขับต่อ…ปัญหาเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้หลังจากใช้รถไประยะหนึ่ง เนื่องจาก DPF เริ่มอุดตันตามปริมาณเขม่าที่ถูกกรองและสะสมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอุปกรณ์ DPF จะมีเซนเซอร์ตรวจเช็กแรงดันไอเสียที่ผ่านกรอง หากผลต่างแรงดันมีค่าสูงขึ้น (Pressure Drop) ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ากรอง DPF เริ่มอุดตันมากขึ้นแล้ว โดยมีกระบวนการกำจัดเขม่าที่อุดตันเรียกว่า Regeneration ด้วยการใช้ความร้อนจากไอเสียหรือเปลวไฟเผาอนุภาคเขม่าให้สลายตัวเป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กลง โดยปกติแล้วกระบวนดังกล่าวจะเกิดได้อัตโนมัติเมื่อมีการขับขี่เป็นระยะทางไกลด้วยความเร็วระดับหนึ่งซึ่งทำให้ความร้อนและอุณหภูมิของไอเสียสูงเพียงพอในการเผาไหม้เขม่าได้ แต่ถ้าหากรถยนต์ใช้งานในเมืองเป็นหลักอาจทำให้อุณหภูมิไอเสียไม่สูงเพียงพอในการเผาไหม้เขม่า ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อ DPF และเครื่องยนต์ จึงควรหมั่นสังเกตสถานะของอุปกรณ์ DPF เมื่อมีเขม่าสะสมถึงปริมาณที่กำหนดไฟเตือนจะแสดงสัญลักษณ์ DPF บนหน้าปัดรถ และควรตรวจสอบการทำ Regenration ตามที่คู่มือระบุ

จริง ๆ แล้ว DPF นั้นเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยลดมลพิษและฝุ่น PM ในอากาศ จึงมีส่วนช่วยให้สิ่งแวดล้อมของเราดีขึ้น แต่ก็ต้องหมั่นดูแลและบำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน โดยควรเลือกเติมน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลมาตรฐานยูโร 5 ซึ่งมีปริมาณกำมะถันไม่เกิน 10 ppm  รวมถึงเลือกใช้น้ำมันเครื่องประเภทเถ้าปานกลางหรือเถ้าต่ำตามมาตรฐานที่คู่มือรถระบุ เพราะการเลือกใช้อย่างไม่เหมาะสมจะส่งผลกระทบให้อุปกรณ์ DPF เกิดการอุดตันจนสมรรถนะเครื่องยนต์ถดถอยและเสียหายได้เร็วขึ้นจากเถ้า (Ash) ที่เกิดจากการเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันเครื่องบางส่วนที่ระเหย เนื่องจากเถ้าที่อุดตันใน DPF จะไม่สามารถถูกกำจัดด้วยกระบวนการ Regeneration ได้จึงส่งผลเสียต่อการทำงานของ DPF และอาจถึงขั้นต้องเปลี่ยน DPF  นั่นเองครับ 

ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อ DPF และเครื่องยนต์ รวมถึงช่วยคงประสิทธิภาพที่ดีและยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน จึงควรเลือกเติมน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลมาตรฐานยูโร 5 รวมถึงน้ำมันเครื่องดีเซลคุณภาพสูงจาก PTT Lubricants สูตรจำกัดปริมาณเถ้าครับ ได้แก่ 

👉🏻PERFORMA EURO SYN และ DYNAMIC SUPER COMMONRAIL มาตรฐาน ACEA C3 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลงานเบาในรถยนต์นั่ง รถปิคอัพ เอสยูวีและพีพีวี 

👉🏻DYNAMIC EXTRA LONG DRAIN (API CJ-4), DYNAMIC SYNTEC (API CK-4) และ DYNAMIC ULTRA PLUS (API CK-4) สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลงานหนักในรถบัส รถบรรทุกและเครื่องจักรกลหนัก

อย่างไรก็ตามไม่ว่าเครื่องยนต์ของรถคุณจะติดตั้ง DPF หรือไม่ PTT Lubricants เราก็มีน้ำมันเครื่องที่ตอบโจทย์เครื่องยนต์ดีเซลทั้งรุ่นที่ติดตั้งและไม่ติดตั้ง DPF เพื่อให้คุณเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมและมั่นใจทุกการขับขี่ ไปให้สุดไม่สะดุดทุกเส้นทางครับ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำมันเครื่อง PTT Lubricants สำหรับเครื่องยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์บำบัดไอเสีย (DPF) : https://pttlubricants.pttor.com/product_detail/1/2/19