เทียบกันให้รู้ไป! หัวเทียนร้อน VS หัวเทียนเย็น แบบไหนเหมาะสมที่สุด
ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่เรียกว่า หัวเทียน ถึงเเม้จะมีขนาดเล็ก แต่สิ่งนี้แหละที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้เครื่องยนต์ของคุณทำงานได้สมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่เเล้วว่าหัวเทียนมีหน้าที่จุดประกายไฟในห้องเผาไหม้ ให้เกิดการจุดระเบิดเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น การเลือกหัวเทียนที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์จึงสำคัญมากต่อการใช้งานรถยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ในทางกลับกันหากเลือกใช้หัวเทียนในเเต่ละประเภทไม่เหมาะสมกับตัวเครื่องยนต์ อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสภาพหัวเทียนของตัวรถได้
ดังนั้น วันนี้ PTT Lubricants จะมาเทียบกันให้รู้ไป! หัวเทียนร้อน VS หัวเทียนเย็น แตกต่างกันอย่างไร แบบไหนคุ้มที่สุด! ไปหาคำตอบกัน!
🟥 หัวเทียนร้อน หัวเทียนที่มีความสามารถในการระบายความร้อนได้ช้า
🟦 หัวเทียนเย็น หัวเทียนที่ระบายความร้อนได้ดี และรวดเร็ว
การเลือกใช้หัวเทียนแต่ละประเภทจึงมีความสำคัญมากต่อเครื่องยนต์ เพราะหากเลือกใช้งานไม่ถูกต้องจะส่งผลต่อการทำงานได้ ดังนั้น เพื่อการใช้งานหัวเทียนที่เหมาะสมควรเลือกจากปัจจัยที่จะกล่าวต่อไปนี้
สภาพการทำงานของรถยนต์
เพราะหัวเทียนร้อนมีความสามารถในการระบายความร้อนได้ช้า จึงเหมาะสำหรับรถเก่าเนื่องจากอุณหภูมิในห้องเผาไหม้จะต่ำกว่า ในขณะที่หัวเทียนเย็นจะเหมาะกับรถรุ่นใหม่หรือรถที่ใช้ความเร็วอยู่ตลอด เพราะต้องอาศัยหัวเทียนที่สามารถระบายความร้อนได้อย่างรวดเร็ว
การใช้งานของรถยนต์
ใช้งานหนัก - เบา โดยหากใช้งานหนัก เช่น การ ขับรถเร็ว บรรทุกของหนัก เครื่องยนต์จะมีการเผาไหม้สูง ส่งผลให้ห้องเผาไหม้มีความร้อนสูง และเกิดการสะสมความร้อนที่บริเวณหัวเทียน ดังนั้น ต้องใช้หัวเทียนเย็นที่มีความสามารถในการระบายความร้อนได้ดี ส่วนหัวเทียนร้อนนั้นจะเหมาะกับรถเก่าไม่ค่อยได้ใช้งาน หรือใช้งานน้อย เพราะเครื่องยนต์ของรถเหล่านี้ จะมีการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ นอกจากนั้นการสะสมความร้อนในหัวเทียนจะมีน้อย ทำให้เกิดการเผาไหม้ ที่ไม่สมบูรณ์ได้
ทั้งนี้ หากผู้ขับขี่รถยนต์ทุกท่านมีโอกาสได้เปลี่ยนหัวเทียนเครื่องยนต์ ก็ควรเลือกประเภทหัวเทียนตามที่คู่มือกำหนดหรือสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญเพราะหากเลือกใช้ หัวเทียนร้อน - หัวเทียนเย็นไม่เหมาะกับเครื่องยนต์ จะส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์ ดังนั้น ควรหมั่นตรวจเช็กหัวเทียนที่ระยะทุกๆ 10,000 กิโลเมตร และเปลี่ยนหัวเทียนตามระยะที่กำหนดด้วยนะครับ