เตรียมรถให้พร้อมเมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝน 

194 ผู้เข้าชม

แชร์ Card image cap

เตรียมรถให้พร้อมเมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝน 
ประเทศไทยก็ก้าวเข้าสู่หน้าฝนอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งฤดูกาลนี้ถือว่าเป็นช่วงที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนได้มากที่สุด จากถนนที่ลื่นกว่าปกติ รวมทั้งทัศนวิสัยที่ลดลงในช่วงเวลาที่ต้องขับรถระหว่างฝนตก 
ดังนั้นเราจึงต้องควรดูแลรักษารถยนต์ของเราให้พร้อมและสมบูรณ์ในการใช้งานช่วงหน้าฝนที่กำลังจะมาถึงนี้ วันนี้ PTT Lubricants เลยเอาวิธีการเตรียมรถให้พร้อมก่อนเข้าสู่ช่วงหน้าฝนมาฝากทุกคนครับ

ตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์

ยางรถยนต์เป็นสิ่งแรกที่ต้องตรวจเช็กให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ยิ่งในช่วงหน้าฝนที่ถนนเปียกลื่นและน้ำท่วมขังบ่อยด้วยแล้ว หากยางรถยนต์มีสภาพไม่สมบูรณ์ก็จะยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้น โดยมีวิธีตรวจเช็กเบื้องต้นที่เราสามารถทำเองได้ครับ ลำดับแรกตรวจเช็ก “ความลึกของร่องยาง” โดยสังเกตจาก “สะพานยาง” ซึ่งเป็นเส้นพาดขวางระหว่างร่องยาง ว่าอยู่ในระดับเดียวกับดอกยางแล้วหรือยัง หากเท่ากันหรือใกล้เคียงมากแล้วแนะนำให้เปลี่ยนยางรถโดยเร็วครับ เพราะร่องยางจะรีดน้ำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้เสี่ยงต่อการลื่นและอาการเหินน้ำได้มากขึ้น ต่อมาตรวจเช็ก “สภาพผิวยาง” หากเริ่มเห็นรอยแตกรอยร้าวไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ แสดงว่าเนื้อยางเริ่มเสื่อมสภาพแล้วจึงควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่เช่นกันครับ

เปลี่ยนใบปัดน้ำฝนใหม่

อุปกรณ์ที่แนะนำให้เปลี่ยนใหม่ทุกปีเลยก็คือใบปัดน้ำฝนครับ เพราะเนื้อยางมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี ซึ่งการเปลี่ยนในช่วงก่อนเข้าหน้าฝนนั้น จะทำให้เรามั่นใจได้ว่าใบปัดน้ำฝนสามารถไล่น้ำที่เกาะบนผิวกระจกหน้ารถได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็นให้ชัดเจนยิ่งขึ้นและขับขี่ปลอดภัยในยามที่ฝนตกครับ

ตรวจเช็กไฟส่องสว่างทุกดวง

ในช่วงหน้าฝนไฟส่องสว่างทุกดวงต้องใช้งานได้อย่างสมบูรณ์และให้ความสว่างได้มากเพียงพอครับ เพราะการขับรถขณะฝนตกหนัก ไฟหน้าและไฟหลังจะช่วยบอกตำแหน่งรถของเราให้ผู้ใช้รถคันอื่นเห็นได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกับสัญญาณไฟเลี้ยว ดังนั้นหากไฟดวงไหนไม่ติด หรือติดแต่ความสว่างไม่มาก แนะนำให้เปลี่ยนทันที รวมถึงการถอดโคมไฟหน้าและไฟท้ายออกมาล้างทำความสะอาดหากมีฝุ่นสิ่งสกปรกเกาะภายในจำนวนมากครับ

ตรวจเช็กยางขอบประตูและกระจก

เมื่อใดก็ตามที่ยางขอบประตูและยางขอบกระจกต่างเริ่มหมดสภาพแล้ว น้ำฝนก็จะรั่วซึมเข้าภายในรถได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจไปสะสมตามจุดต่าง ๆ ทำให้เกิดสนิม หรือในจุดที่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าก็ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดการไฟฟ้าชอร์ตได้ครับ โดยมีวิธีตรวจเช็กคือ ใช้นิ้วกดที่ขอบยางประตูและกระจกว่ายังนุ่มมืออยู่หรือไม่ หากยางเริ่มแข็ง ไม่เด้งกลับคืนตำแหน่งเดิมทันที หรือเห็นรอยแตกชัดเจน แสดงว่ายางเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว ควรเปลี่ยนใหม่ครับ

เปลี่ยนน้ำมันเบรก

ควรตรวจเช็กน้ำมันเบรกและระบบบเบรกให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยเช็กระดับน้ำมันเบรกในกระปุกให้อยู่ในช่วง Max และ Min หากลดลงให้เติมเพิ่มจนได้ระดับ และตรวจเช็กการรั่วซึมตามจุดต่าง ๆ รวมถึงเช็กความหนาของผ้าเบรก นอกจากนี้ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกทุก ๆ 40,000 กิโลเมตร หรือ 2 ปี อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน เพื่อคงประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานและเพิ่มความมั่นใจสำหรับการขับขี่ในช่วงหน้าฝน

โดย PTT Lubricants มีน้ำมันเบรกให้เลือก 2 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ SYNTHETIC BRAKE FLUID DOT 3 และ DOT 4

[SYNTHETIC BRAKE FLUID DOT 3]
น้ำมันเบรกสังเคราะห์ประสิทธิภาพสูง เหนือมาตรฐาน DOT 3 สำหรับรถที่ใช้งานทั่วไป เบรกมั่นใจทุกสภาพอากาศและทุกสถานการณ์

[SYNTHETIC BRAKE FLUID DOT 4]
น้ำมันเบรกสังเคราะห์ประสิทธิภาพสูงพิเศษ เหนือมาตรฐาน DOT 4 สำหรับรถที่ใช้งานทั่วไปจนถึงงานหนักมาก เช่น การขับขึ้นเขา-ลงเขาที่ต้องเบรกบ่อย รถแต่งและรถแข่งความเร็วสูงที่ต้องเบรกหนัก รวมถึงเส้นทางที่ต้องลุยน้ำ ลุยฝน เบรกมั่นใจแม้ในสภาวะรอบจัดและความร้อนสูง

คุณสมบัติพิเศษ DOT 3 และ DOT 4 จาก PTT Lubricants
- จุดเดือดสูงกว่ามาตรฐานถึง 17% ป้องกันการเดือด ฟองอากาศ และ Vapor Lock ได้ดีเยี่ยม
- ไหลตัวได้ดีกว่ามาตรฐานทั่วไป ช่วยให้เบรกได้รวดเร็วฉับไว
- ไม่ทำให้ซีลยางหดตัวหรือขยายตัว ป้องกันยางเหนียว ลูกสูบแม่ปั๊มเบรกเคลื่อนตัวได้สะดวก

ใครที่มองหาน้ำมันเบรกคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มความมั่นใจทุกครั้งที่เบรก อย่าลืมเลือกใช้ SYNTHETIC BRAKE FLUID ของ PTT Lubricants นะครับ 

พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ที่ FIT Auto ทุกสาขา หรือร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ PTT Lubricants ใกล้บ้านคุณ