พาส่อง! 5 สัญญาณกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อยบนรถ
รถที่เราใช้งานอยู่เป็นประจำ เราก็มักจะคุ้นเคยกับบรรยากาศต่าง ๆ ภายในรถ รวมทั้งเรื่องของกลิ่นด้วย ซึ่งถ้าใครมีน้ำหอมอยู่ในรถยนต์ ก็ย่อมชินกับกลิ่นที่ใช้อยู่เป็นประจำ แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งที่กลิ่นในรถเริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์สักเท่าไหร่ กลิ่นนั้นอาจเป็นสัญญาณบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับสุขภาพรถยนต์ของคุณก็ได้
กลิ่นเหม็นอับ
เป็นกลิ่นที่พบเจอได้บ่อยมากที่สุดในรถ ส่วนใหญ่จะได้กลิ่นชัดเจนที่สุดตอนเปิดแอร์ โดยเฉพาะในช่วงที่ลมออกมาแรก ๆ ซึ่งกลิ่นอับพวกนี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบแอร์ และอาจมีสิ่งซ่อนเร้นอย่างเชื้อราอยู่ในระบบแอร์ร่วมด้วย สำหรับวิธีแก้ไขให้ปิดแอร์แล้วเปิดใช้งานเฉพาะส่วนของพัดลมแทนในระดับความแรงสูงสุด เปิดทิ้งไว้สักครู่กลิ่นจะเริ่มจาง ซึ่งพัดลมจะช่วยทำให้ภายในระบบปรับอากาศแห้งลง นอกจากนี้ควรตรวจเช็กความสะอาดและเปลี่ยนกรองแอร์ตามระยะ เพื่อลดความอับชื้นและสิ่งสกปรกอุดตัน
กลิ่นเหม็นไหม้
เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้กลิ่นเหม็นไหม้ในรถ แนะนำให้จอดรถให้ไวที่สุด โดยกลิ่นไหม้นั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากระบบไฟฟ้าภายในรถ ผ้าเบรกมีปัญหา หรืออาจจะมาจากความผิดปกติของน้ำมันก็ได้ ส่วนวิธีแก้ไขแนะนำให้นำรถเข้าเช็กที่อู่ที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อหาสาเหตุและวิธีแก้ไข อย่าฝืนใช้งานรถต่อเมื่อเกิดกลิ่นไหม้ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้
กลิ่นยางไหม้
ถ้าคุณได้กลิ่นไหม้ประเภทนี้ระหว่างขับรถก็ควรต้องระวังเช่นกัน ซึ่งกลิ่นยางไหม้มักเป็นปัญหาที่มาจากชิ้นส่วนที่ทำจากยาง เช่น สะพานเลื่อน ท่อลมยางหลวม หรือแม้กระทั่งเกิดจากถุงพลาสติกปลิวไปติดอยู่บริเวณใต้เครื่องแล้วสัมผัสกับความร้อนของเครื่องยนต์ แนวทางแก้ไขเบื้องต้นให้สำรวจใต้ท้องรถก่อนว่ามีถุงพลาสติกติดอยู่บริเวณเครื่องยนต์หรือไม่ หากไม่มี แนะนำให้นำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อทำการตรวจเช็กอย่างละเอียด
กลิ่นเหม็นฉุนแสบจมูก
ถ้าได้กลิ่นแก๊สที่ฉุนแสบจมูกและทำให้ระคายเคือง นั่นแสดงว่ารถเราอาจจะกำลังมีปัญหาที่อุปกรณ์ฟอกไอเสียเชิงเร่งปฏิกิริยา (Catalytic converter) ซึ่งเสื่อมสภาพและด้อยประสิทธิภาพลงตามระยะการใช้งาน หรือมาจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันเครื่องที่คุณภาพไม่เหมาะสม จึงทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวไม่สามารถบำบัดก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NO2) ที่มีกลิ่นเหม็นฉุนให้กลายเป็นก๊าซไนโตรเจน (N2) และก๊าซออกซิเจน (O2) ที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้ นอกจากนี้กลิ่นแสบจมูกยังอาจมาจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ซึ่งหากในน้ำมันเชื้อเพลิงที่เราใช้มีปริมาณกำมะถัน (S) ปนเปื้อนสูง หรือในกระบวนการเผาไหม้มีสัดส่วนปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงต่ออากาศสูงจนเกินไป (Rich-Burn) ก็ทำให้เกิดก๊าซพิษนี้มากขึ้นได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงควรหมั่นตรวจเช็กอุปกรณ์และระบบต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ให้ทำงานสมบูรณ์อยู่เสมอ รวมถึงเลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันเครื่องที่คุณภาพเหมาะสม
กลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น
ในกรณีที่คุณได้กลิ่นของน้ำมันเชื้อเพลิงตอนที่สตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ ๆ ส่วนนี้ยังคงเป็นเรื่องปกติของระบบการเผาไหม้ที่ยังไม่สมบูรณ์ แต่ถ้าคุณได้กลิ่นของน้ำมันในขณะที่เครื่องยนต์เริ่มทำงานไปได้ระยะหนึ่ง อุณหภูมิเหมาะสมและการเผาไหม้เกิดได้สมบูรณ์แล้ว นั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ารถที่คุณใช้อยู่อาจมีน้ำมันส่วนใดส่วนหนึ่งรั่วซึมออกมา โดยสาเหตุอาจจะมาจากฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงหรือฝาถังน้ำมันเครื่องหลวม ถังน้ำมันเชื้อเพลิงรั่ว น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์รั่ว หรืออาจจะเกี่ยวข้องกับระบบการควบคุมการปล่อยมลภาวะก็เป็นได้ แนะนำให้นำรถเข้าไปให้ช่างตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุโดยทันที เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดเพลิงไหม้รถตามมาได้
ดูแลกลิ่นในรถแล้วต้องดูแลระบบเครื่องยนต์ให้พร้อมใช้งานด้วย เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง อย่าลืมเลือกใช้น้ำมันเครื่อง PTT Lubricants ที่ผ่านการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์หล่อลื่นสำหรับรถยนต์มาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 30 ปี ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้รถยนต์คู่ใจของคุณใช้งานได้ยาวนาน