Contact service center 1365
แชทผ่าน Messenger
ปิด
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่สำคัญในเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการขับเคลื่อนรถจักรยานยนต์ มีหลักใหญ่อยู่ 3 เรื่อง
1132 Views
ความแตกต่างของเครื่องยนต์แบบหัวฉีดและแบบคาร์บูเรเตอร์
การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่สำคัญในเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการขับเคลื่อนรถจักรยานยนต์ มีหลักใหญ่อยู่ 3 เรื่อง นั่นก็คือ การลดมลพิษ การประหยัดเชื้อเพลิง และการเพิ่มสมรรถนะการทำงานของเครื่องยนต์ เช่น การเปลี่ยนระบบฉีดเชื้อเพลิงจากระบบคาร์บูเรเตอร์ไปเป็นระบบหัวฉีด การพัฒนาระบบวาล์วไอดีไอเสีย (จาก 2 วาล์วต่อสูบ เป็น 4 วาล์วต่อสูบ) และการปรับปรุงระบบท่อไอเสีย เป็นต้น
ด้านน้ำมันหล่อลื่นที่ทางผู้ผลิตรถจักรยานยนต์แนะนำ ก็มีแนวโน้มการลดความเสียดทานให้ต่ำลง ซึ่งวิธีที่มักจะใช้กันคือการลดค่าหนืด ทั้งเพื่อการลดความเสียดทานภายในจากการเสียดสีของโลหะ-โลหะได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ช่วยประหยัดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ซึ่งเมื่อใช้เชื้อเพลิงน้อยลงก็สามารถช่วยลดการปล่อยมลพิษได้ดีขึ้น และการลดความเสียดทานนี้ยังช่วยให้การตอบสนองต่ออัตราเร่งที่ดีขึ้นตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ รถจักรยานยนต์ระบบหัวฉีดรุ่นใหม่ๆ มักเปลี่ยนการใช้น้ำมันหล่อลื่นจากเดิมใช้เพียงแค่เกรดเดี่ยว SAE 40 สำหรับรถจักรยานยนต์ระบบคาร์บูเรเตอร์ มาเป็นน้ำมันเกรดรวม เช่น SAE 20W-40, 10W-40 และ 10W-30 กันมากขึ้น ในยุคเครื่องยนต์ระบบหัวฉีด
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีนี้เอง ทางผู้ผลิตน้ำมันหล่อลื่นจึงต้องพัฒนาควบคู่กันไป ทั้งเรื่องของการลดความเสียดทานโดยการปรับปรุงเรื่องของความหนืด โดยสิ่งที่จำเป็นต่อการพัฒนาน้ำมันหล่อลื่นคือการพัฒนาสูตรน้ำมันหล่อลื่นอย่างไรให้มีความหนืดต่ำลง ความเสียดทานต่ำลง แต่คงความแข็งแรงของฟิล์มน้ำมันที่ใช้เพื่อปกป้องการสึกหรอของโลหะได้ดี ทนต่อความร้อนจากการเผาไหม้ที่ดีขึ้น ด้วยเหตุนี้น้ำมันสูตรหัวฉีดจึงได้พัฒนาให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น ที่เรามักรู้จักกันในนามมาตรฐาน API ที่สูงขึ้น เช่น จาก API SF ไปเป็น API SL, SM และล่าสุดเป็น API SN
ระดับมาตรฐานที่สูงขึ้นนี้เอง จะบอกถึงคุณภาพมาตรฐานน้ำมันหล่อลื่นที่สูงขึ้นตาม เช่น การป้องกันการสึกหรอ ทนต่ออุณหภูมิใช้งานที่สูงขึ้นเพื่อลดคราบจับติดตามชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ลดความเป็นโคลนน้ำมัน และให้อายุการใช้งานน้ำมันได้ยาวนานขึ้น